วันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

มันคือความจริง

   หลายๆคนคิดว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องไกลตัว  แต่ใครๆ อีกหลายคนต่างเชื่อ ศรัธทา และเข้าใจกฎนี้ บทความนี้มิได้คัดลอกมาจากที่ใดๆเลย มาจากประสบการณืของผู้เขียน และการอ่านจากหนังสือหลายๆเล่ม เช่า The secret  ; The top secret ; The top secret2 ; และอีกหลายๆเล่ม ที่กล่าวถึงประสบการณ์ต่างๆที่ผู้คนต่างๆได้ประสบพบเจอ...
   หากเพียงแต่อ่านหนังสือต่างๆอย่างที่ผู้เขียนได้กล่าวมาข้างต้นอาจไม่เป็นที่เพียงพอที่จะเข้าใจว่าอะไรคืออะไร เนื่องจากในหนังสือต่างๆนั้นอธิบายค่อนข้างซับซ้อนสำหรับผู้ที่ศึกษาหรือสนใจในเบื้องต้น และมีเนื้อหาค่อนข้างวิชาการและไกลตัวจนเกินไป ...

   ข้าพเจ้าจะขอหยิบยกบทความหรือเรื่องราวที่ข้าพเจ้าประทับใจในชีวิตหรือในหนังสือต่างๆที่ได้อ่านมาอธิบายภาษาง่ายๆอย่างที่ใครๆก็ได้จะเข้าใจเเม้เพียงผู้ที่ไม่เชื่อในกฎนี้เองก็ตาม ....

วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

555 ความสำเร็จ

ความสำเร็จ ทุกอย่างจะเกิดขึ้นได้ เราต้องเข้าใจใน 3 กระบวนการ ดังนี้
กระบวนการที่ 1 : Attraction Process หรือ กระบวนการสร้างแรงดึงดูด
โลกของเรามีแรงดึงดูด ที่เป็นพลังงานที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่พวกเรา
สามารถสัมผัสมันได้ ผ่านกระบวนการเกี่ยวเนื่องอื่นๆ ตัวเราเองก็สามารถสร้างแรงดึงดูดได้
เหมือนกัน แต่สิ่งที่จะวิ่งเข้ามาหาเรา..คุณต้องการสิ่งที่ดีหรือไม่ดีหละ คงไม่มีใครต้องการสิ่งไม่
ดี และคงไม่มีใครไม่ต้องการสิ่งดีดี ทุกคนต่างต้องการสิ่งดีดีเข้ามาในชีวิต ไม่ว่าจะเป็น
ทางด้านสุขภาพ ทรัพย์สินเงินทอง หน้าที่การงาน ต่างๆก็ล้วนแต่ต้องการสิ่งดีดี ทีนี้เราจะสร้าง
แรงดึงดูดอย่างไร ให้มีแต่สิ่งดีดีเข้ามาหละ
The secret ได้บอกหลักสำคัญๆของแหล่งแรงดึงดูดสิ่งดีดี ไว้ดังนี้

 1.1 การคิดเชิงบวก (positive thinking):
ทุกความคิดมีแรงดึงดูด เคยสังเกตุมั๊ยว่า หากเราคิดคำนึ่งหรือกังวลเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
บ่อยๆๆ เรื่องนั้นก็มักเกิดขึ้นจริง ดังนั้น หากเราเปลี่ยนความคิดจากการคิดถึงสิ่งที่ไม่ดีบ่อยๆ
เป็นคิดถึงแต่สิ่งที่ดีดี บ่อยๆ คลื่นความคิดเราก็จะแปรเปลี่ยนเป็นแรงดึงดูด ดูดสิ่งดีดีเข้ามาใน
ชีวิต
ในประเด็นนี้ หากเรามองในทางธรรมแล้ว ก็คงไม่ต่างอะไรกับที่ชอบพูดกันว่า คิดดี
ทำดี พูดดี ..สิ่งที่สะท้อนกลับมาหาเราก็คงดีเหมือนกัน
1.2 รู้เท่าทันความคิดของตัวเอง :
เหมือนเป็นการมีสติ กำหนดรู้ว่า ขณะนี้เราคิดอะไร คิดดีหรือคิดเลว เมื่อเรารู้เท่าทัน
ความคิดเราเมื่อไหร่ เราก็สามารถคัดแยกความคิดเลวออกจากความคิดดีได้ ทำให้เรามีโอกาส
ที่จะยับยั้งความคิดเลว และดำเนินความคิดดีดีต่อไป
2
เคยสังเกตุตัวเองกันมั๊ย หากเมื่อเราคิดเลว อารมณ์ที่ไม่ดี ก็จะเกิด แต่หากเมื่อไหร่เรา
คิดดี ความสบายใจ อารมณ์ที่ดีก็จะเกิด อารมณ์เป็นสิ่งหนึ่งที่ก่อให้เกิดการกระทำ คนที่ไม่
รู้เท่าทัน ไม่รู้จักควบคุมความคิดเลว อารมณ์เลว ก็จะโกรธง่าย เกลียดง่าย ฉุนเฉียวง่าย สิ่ง
เหล่านี้ ถูกถ่ายทอดผ่านใบหน้าและร่างกายออกสู่ภายนอก สิ่งที่สะท้อนจากภายนอกกลับมา
หาตัวคุณก็คงไม่ใช่สิ่งดีนักหรอก แต่ในทางกลับกัน คนที่คิดดี รู้เท่าทันระงับความคิดและ
อารมณ์เลว สิ่งดีดี จากจิตใจก็จะถูกทอดผ่านร่างกายให้แสดงออกมาแต่ในสิ่งดีดี สิ่งที่คุณ
ได้รับก็จะเป็นสิ่งดีด้วยเช่นกัน เมื่อคุณรู้สึกดี ความคิดสร้างสรรค์ อารมณ์สร้างสรรค์สิ่งต่างๆก็
จะบังเกิดขึ้น ทำให้คุณสามารถพัฒนาตัวเองทั้งในปัจจุบันและอนาคตได้อย่างดีขึ้นอย่างไม่
ต้องสงสัย อนาคตของคุณขึ้นกับความคิดของคุณแล้วหละ
สร้างคิดดี อารมณ์ดี โดย รู้จักมีความพึงพอใจ (Scarification) รู้จักชื่นชมผู้อื่น
(Appreciation) มีความหวัง (Hope) มีความสุข (Happiness) รู้จักสนุก ร่าเริง(Joy) รู้จัก
ขอบคุณ (Gratitude) รู้จักรักทั้งตัวเอง ผู้อื่น และสิ่งอื่นรอบตัว (Love) เป็นต้น
ละทิ้ง ความคิดเลว อารมณ์เลว โดย ตัดความหวาดกลัว (Fear) ความกดดัน เครียด
(Depression) ผิดพลาดเลอะเทอะ (Fault) ไม่พอใจขุ่นเคือง (resentment) ความเกลียด
(Hate) ความโกรธ (Angry) การตำหนิติเตียน (Criticism) การกล่าวโทษนินทา (Blame) เป็น
ต้น
ความเครียด ความคิดเชิงลบ ก่อให้เกิดอารมณ์ที่ขุ่นมัว เศร้าหมอง ส่งผลต่อระดับการทำงา
ของร่งกายและสมองที่ลดลงเสมอ

the secret แนะกระบวนการสร้างสรรค์ (Creative process) ไว้ให้ 3 ขั้นตอน คือ
ขั้นที่ 1 ขั้นตอนการร้องขอ (Ask) : เหมือนคุณมี ตะเกียงวิเศษ เมื่อถูเจ้ายักษ์ออกมาแล้ว คุณ
ต้องร้องขอ คุณต้องคิดให้พลังแห่งจักรวาลรับรู้ว่า คุณต้องการอะไรอย่างแท้จริง แล้วคุณจะ
ได้สิ่งนั้นมา..นั่นแหละ หากสิ่งที่คุณคิด..ไม่ดี..สิ่งที่คุณได้ก็ย่อมไม่ดีเช่นกัน แต่หากคุณคิดดี
สิ่งที่คุณได้ย่อมดีเสมอ ในขึ้นตอนนี้เทคนิคที่ the secreat แนะนำ คือ การเขียนสิ่งดีดี คุณ
สามารถเขียนสิ่งดีดี ที่คุณต้องการในสมุดบันทึกได้ทุกวัน เพื่อให้คุณจดจำสิ่งดีดีที่คุณต้องการ
มันจะก่อให้เกิดแรงบันดาลใจลึกๆๆในใจ ให้คุณพยายามทำให้สิ่งที่คุณต้องการจนสำเร็จ
ขั้นที่ 2 ขั้นตอนแห่งความเชื่อ (Believe) : จงเชื่อในสิ่งดีดี ที่คุณพึงอยากได้ ว่าคุณจะต้อง
ได้มา ศรัทธาที่ไม่สั่นคลอนก่อให้เกิดสิ่งที่เป็นจริง เมื่อไหร่ที่คุณพลาดจากหวัง จงเชื่อเสมอว่า
หากหวังและพยายามต่อไป วันหนึ่ง ฝันคุณจะเป็นจริง กรณีนี้ คงเข้าตำราคนไทยที่ว่า ความ
พยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น หากเราเชื่อ และพยายามทำในสิ่งที่เราเชื่อ สักวัน สิ่ง
นั้นจะสำเร็จดังฝัน
ขั้นที่ 3 ขั้นตอนแห่งการรับ (Receive) : เป็นการยอมรับ ทั้งสิ่งที่สมหวังและผิดหวัง การ
ผิดหวัง หากเรายอมรับเราสามารถนำมันมาทบทวน ไตร่ตรองได้อีกรอบ แล้วเราจะเห็นถึง
3
ข้อผิดพลาดอันนำไปสู่แนวทางในการปรับปรุง

1.3 เริ่มต้นวันใหม่ด้วยสิ่งดีดี :
คุณเคยสังเกตุมั๊ย หากวันไหนคุณตื่นมาพร้อมอารมณ์ที่ขมุกขมัว วันนั้น คุณอาจปวด
หัว อะไรก็ดูช่างหงุดหงิดในสายตาของคุณไปเสียทั้งหมด ไม่ว่า จะเป็นคน การจราจร หรือ
สิ่งแวดล้อมต่างๆ แต่ในทางกลับกัน หากคุณสามารถตื่นขึ้นมาพร้อมกันความรู้สึกดีดี สมองคุณ
ก็จะแจ่มใส จิตใจก็จะเบ่งบาน พร้อมที่จะมีสติรับรู้เรื่องราวต่างๆในวันนั้น ได้อย่างต่อเนื่องและ
มีสมาธิในการไตร่ตรองแยกแยะ พิจารณาสิ่งที่ ผิด ถูก ชั่ว ดี ได้ไม่ยาก ซึ่งเมื่อคุณได้กรอง
และเลือกที่จะรับแต่สิ่งดีดีแล้ว อารมณ์ก็จะดียิ่งขึ้น สิ่งที่แสดงออกมาจากตัวคุณ ก็ดี สิ่งที่คุณจะ
ได้รับต่อไป ยิ่งดี
เมื่อใดที่เรารู้สึกแย่ ท้อถอย the secret แนะให้มองสิ่งที่สวยงาม การได้ฟังเพลงดีดี
เพลงเชิงบวก การได้มองเด็กๆที่สดใสร่าเริง การได้ชมดอกไม้สีสวยๆที่กำลังเบ่งบาน การได้
เลี้ยงสัตว์ เลี้ยงสุนัข เลี้ยงแมว การได้เล่นกีฬา การได้ออกไปท่องเที่ยว เพราะ the secret เชื่อ
ว่า "เมื่อคนรู้สึกรัก สิ่งดีดีก็จะเข้ามาในชีวิต"
ซึ่งสิ่งเหล่านี้เหมือนกับเราจะรู้กันเองนานแล้ว ใช่ป่าว เพราะเราคงได้ยินกันบ่อยๆว่า
ความรักทำให้โลกสดใส โลกทั้งใบเป็นสีชมพู ไม่ว่าจะรักแบบไหน แต่ต้องเป็นรักที่บริสุทธิ์ใจ
จึงจะไม่เป็นทุกข์...รักทำให้คนสามารถมองโลกได้ในแง่ดีเสมอ...
1.4 อย่าลังเลกับสิ่งที่จะลงมือทำ :
สิ่งดีดี โอกาสคอยเราอยู่เสมอ เมื่อเราสามารถสร้างแรงดึงดูดได้แล้ว สิ่งที่สะท้อน
กลับมา เมื่อเราหยุดคิดอย่างรอบคอบแล้ว อย่าลังเลที่จะรับ อย่าปล่อยให้โอกาสนั้นหลุดลอย
เพราะหากคุณไม่เริ่มผลคงไม่เกิด เราไม่จำเป็นต้องเห็นตลอดทั้งเส้นทางหรือเห็นทางทั้งหมด
แต่หากคุณเริ่มและลองดู คุณอาจจะเห็นทางอีกหลายทางซึ่งสามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้
1.5 รู้จักพอเพียง :
การรู้จักพอ จะสร้างความสุขที่แท้จริง คนเราทุกวันนี้ ล้วนแต่เอากิเลสเป็นที่ตั้ง อยาก
ได้สิ่งต่างๆมากมายจนเกินความจำเป็นความพอดี ข้อนี้ คงเข้ากับหลักพุทธศาสนา หรือ
แม้กระทั่ง หลักเศรษฐกิจพอเพียง ได้เป็นอย่างดี
เมื่อรู้จักพอ ความสุขก็เกิด ความเหนื่อยล้า แห่งการดิ้นรนก็น้อยลง ทำให้คนมีเวลาที่
จะคิดทบทวนไตร่ตรองสิ่งต่างๆในความคิด ได้ดีขึ้น ดังนั้น ความพอเพียงคงแยกกันไม่ออก
จากข้ออื่นๆ ที่กล่าวข้างต้น
กระบวนการสร้างแรงดึงดูด โดยสรุปแล้ว หากเราต้องการพบความสุขและความ
สมหวังที่แท้จริง เราก็ควรมุ่งเน้นที่สร้างแรงดึงดูดที่ดี เราต้องหัดปรับเปลี่ยนความคิดทัศนคติ
ไปในทิศทางที่ดี
หากเราคิดดี ทำดี สิ่งสะท้อนออกไปดี สิ่งที่เราได้รับก็จะดี เมื่อทุกคนทำได้ โลกก็จะเป็น
สุขและพัฒนาในทิศทางที่ดี...
4
the secret บอกว่า ทุกวันนี้คนเรามันใช้คำพูดว่า "ต่อต้าน" ในการรณรงค์ต่างๆ ซึ่งทำให้การ
รณรงค์เหล่านั้นไม่ประสบผลสำเร็จซักที ดังนั้น ควรเปลี่ยนคำพูดเชิงลบ จากคำว่า "ต่อต้าน"
เป็นคำพูดเชิงบวก คำว่า "ส่งเสริม" คงจะดีกว่า อาทิเช่น
แทนที่จะต่อต้านสงคราม ก็ควรเปลี่ยนเป็น สนับสนุนสันติภาพ
แทนที่จะต่อต้านความยากจนอดอยาก ก็ควรเปลี่ยนเป็น สนับสนุนผู้คนให้มีอาหารกิน
แทนที่จะต่อต้านพรรการเมืองใดเป็นพิเศษ ก็ควรจะเปลี่ยนเป็น สนับสนุนพรรคการเมืองตรง
ข้ามพรรคนั้น
หากทุกคนเพื่งไปยังสิ่งที่ไม่ต้องการ สิ่งนั้นมันคงยังวนเวียนในหัวสมองของทุกคน แล้วในที่สุด
มันก็เป็นการตอกย้ำและดึงดูดให้สิ่งที่ทุกคนไม่ต้องการนั้นเกิดขึ้น เหมือนสุภาษิตไทยว่า "ยิ่ง
เกลียดยิ่งเจอ" นั่นเอง ดังนั้น ทุกคน ควรเรียนรู้ที่จะสงบนิ่งและละความสนใจไปจากสิ่งที่เราไม่
ต้องการ

วันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

สรุป The Secret

สรุป The Secret กฏแห่งการดึงดูด
เคล็ดลับที่จะนำไปสู่ความสุขและความสำเร็จของชีวิต โดยเชื่อใน
“Law of Attraction” กฎแห่งการดึงดูด เพราะจิตของเรามีพลังอำนาจ
มหาศาล พูดง่ายๆก็คือ ให้คิดแต่สิ่งที่ดี แล้วสิ่งดีๆ จะถูกดึงดูดเข้ามาหา
เราเอง
“นี่เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์สำหรับการมีชีวิตอยู่ เพราะเป็นครั้งแรกที่มนุษย์เรา มี
อำนาจถึงขั้นใช้เพียงปลายนิ้วก็หาความรู้ได้”
ความลับที่จะทำให้คุณจะได้เรียนรู้วิธีการใช้ความลับในทุกแง่มุมของชีวิต ทั้งด้าน
การเงิน สุขภาพ ความสัมพันธ์ ความสุขและปฏิสัมพันธ์ทุกรูปแบบของคุณในโลกนี้ คุณจะเริ่ม
เข้าใจพลังอำนาจภายในตัวเองที่ถูกปกปิดซ่อนเร้นมานานและสิ่งที่เปิดเผยนี้จะนำมาซึ่งความ
ยินดีในทุกๆด้านชีวิตของคุณ

มารู้จักกันก่อน

ก่อนอื่นที่จะเข้าเรื่องราวต่างๆ มารู้จักกันสักนิด!

 ผมชื่อ "Phaciro" เป็นบัณฑิตนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่มีความสนในในเรื่องกฎแห่งการดึงดูุด และ ปรากฎการ วิธีการต่างๆที่เกิดขึ้นหลังการ ขอ เชื่อ รับ ตามที่ในหนังสือ The Secret ซึ่งเป็นผลงานของคุณ  Rhonda Byrne ซึ่งรวบรวมไว้โดยภายในเล่มประกอบไปด้วยหลักการและวิธีต่างๆ โดยบุคคลชั้นนำของโลกที่ประสบความสำเร็จมากมาย .

 ผมได้ใช้เวลาอ่านหนังสือเล่มนี้ในรอบแรก เป็นเวลา 3 วันจึงจบ รอบแรกๆ มันค่อนข้างช้าเพราะเป็นเรื่องราวที่ไม่ค่อยจะคุ้นเคยเท่าไรนัก แต่เมื่อถึงรอบที่ 3 เป็นต้นไปผมเริ่มมีความรู้สึกว่าผมสามารถอ่านหนังสือเล่มนี้ให้จบได้เพียงเวลาไม่ถึงวันเท่านั้น ! ไม่รู้เพราะอะไรอาจเพราะความคุ้นเคยกับเรื่องราวที่เคยอ่านผ่านตามาบ้างแล้วหรือเพราะความเคยชิน ... แต่ผมไม่คิดเช่นนั้น ผมเป็นพวกชอบลองของ!!! 

 ในการอ่านรอบแรกจบมันมองว่าเรื่องนี้ช่างไร้สาระสิ้นดี อะไรมันจะช่างบังเอิญลงตัวอย่างนั้น โกหกชัดๆ ขอ / ขอกับใครหละ    เชื่อ/จะเชื่อได้อย่างไรเมื่อสิ่งที่ขอนั้นมันห่างไกลความเป็นจริงเหลือเกิน   รับ/นี่ยิ่งหนักไปใหญ่เลยจะรับได้อย่างไรเมื่อสิ่งนั้นมันยังไม่รู้เลยว่าจะมีอยู่จริงหรือไม่ ...

 ผมลองเล่นๆ ตอนที่ผมลองผมลองกับชีวิตของตัวเองเลย !!! ลองกับการศึกษาของผมเอง หลายคนคงรู้โดยเฉพาะ พวกที่เรียน นิติ. คงพอจะเข้าใจกับการที่ต้องนั้งท่อง นั่งจำมาตราเป็น พันๆในการศึกษาวิชากฎหมาย ปีแรกผมเรียนผ่านเกือบหมด(ก่อนที่จะได้อ่านThe Secret)ในเวลาปีสองผมชะล่าใจเพราะคิดว่าเรียนไม่ยากเลย(เพราะปี 1 เจอวิชากฎหมายเพียง 3 ตัว)ผมเลยเรียนๆเล่นๆ ผลออกมา .... ผมไม่เคยผ่านเลยสักวิชา ....

 ปี 3 ผมไร้ทิศทางใจหวิว เพราะัหลายคนเริ่มถามผมว่าเรียนเป็นไงบ้าง ผมตอบตามความเป็นจริง ... พยายามอีกตอนเรียนภาค Summer มันก็ยังเป็นเหมือนเดิม ...

 จากวันนั้นผมได้ลอง ขอ การขอของผมได้ได้ขอให้สอบผ่านโดยไม่ทำอะไรเลย ผมขอให้ผมสามารถเรียนเข้าใจท่องจำมาตราได้ทั้งหมด... จากนั้นผมก็ เชื่อ ว่ามันต้องทำได้ตามที่ขอ ... ผม รับ โดยการคิดและรู้สึกว่าตัวเองเรียนเข้าใจและสามารถท่องจำได้อย่างที่เชื่อ ...

 ผลหนะหรอ...ใครๆที่อ่านมาจนถึงตรงนี้ก็คงพูด หรือ คิดในใจว่าถ้าเป็นอย่างนี้คงเข้า อีหรอบเดิมคือบอกว่าได้ .... แต่ผมก็จะตอบแบบที่คุณคิดนั่นแหละครับ เพราะผมทำได้จริงๆ ตั้งแต่ ปี 3 มาผมไม่เคยตกเลยสักวิชา และยังได้เกรดดีอีกต่างหาก ไม่ได้คุยโอ้อวดเลย มันเป็นเพราะผมเปลียนเเปลงชีวิตตัวเองด้วยตัวเอง และคุณก็ไม่จำเป็นต้องเดินไปตามกรรมของคุณก็ได้ เพียงแต่คุณ ศึกษาแนวทางนี้ต่อไป ทฤษฎีนี้มิใช่ไสยาศาสตร์ ไม่ใช่ศาสตร์มืด แต่ถ้าใครรู้หรือเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับ วิทยาศาสตร์ ควอนตัม ก็คงจะพอเข้าใจในเรื่องนี้ได้ ....

 และผมจะค่อยๆปริเรื่องนี้ให้เข้าใจง่ายๆ แบบ บ้านๆ ต่อไปจนกว่าคุณจะเข้าใจและนำไปใช้ได้จริงๆ